สารบัญ
ฮิปฮอปเข้าสู่ประเทศไทย
วัฒนธรรมฮิปฮอปและเพลงแร็ปถูกเเผยแพร่เข้ามาในไทยยุค 80s-90s ซึ่งเป็นยุครุ่งเรืองของไนท์คลับ และเป็นยุคที่สื่อจากต่างชาติกำลังเข้ามามีอิทธิพลในไทย เมื่อเพลงแร็ปหรือเพลงฮิปฮอปเริ่มถูกเล่นในผับไทย ก็เริ่มมีกลุ่มคนหลายคนที่ติดใจ เริ่มมีการรวมตัวกันเป็นกลุ่มคนรักฮิปฮอปและเริ่มปรับเอาวัฒนธรรมฮิปฮอปมาผสมกับวิถีแบบไทยในที่สุด
อย่างที่ได้กล่าวไปว่า เนื่องจากเพลงแร็ปจากศิลปินอเมริกาเป็นเพลงที่สื่อถึงวิถีชีวิต ความ “เรียล”ตรงนี้ทำให้ท่อนแร็ปมักจะประกอบได้ด้วยความรุนแรงและคำพูดที่หยาบคาย ซึ่งในสมัยนั้น การใช้คำหยาบคายในสื่อวิทยุหรือโทรทัศน์ถือเป็นสิ่งต้องห้าม แต่ฐานแฟนคลับที่ชอบเพลง ชอบการแต่งตัวและชอบไลฟ์สไตล์แบบนี้ก็ขยายตัวเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ จนทำให้เกิดเป็นวงการใต้ดินที่ที่เป็นจุดกำเนิดของแร็ปเปอร์อย่าง ดาจิม B-king โจอี้บอย และไทเทเนียม
อย่างที่ได้กล่าวไปว่า เนื่องจากเพลงแร็ปจากศิลปินอเมริกาเป็นเพลงที่สื่อถึงวิถีชีวิต ความ “เรียล”ตรงนี้ทำให้ท่อนแร็ปมักจะประกอบได้ด้วยความรุนแรงและคำพูดที่หยาบคาย ซึ่งในสมัยนั้น การใช้คำหยาบคายในสื่อวิทยุหรือโทรทัศน์ถือเป็นสิ่งต้องห้าม แต่ฐานแฟนคลับที่ชอบเพลง ชอบการแต่งตัวและชอบไลฟ์สไตล์แบบนี้ก็ขยายตัวเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ จนทำให้เกิดเป็นวงการใต้ดินที่ที่เป็นจุดกำเนิดของแร็ปเปอร์อย่าง ดาจิม B-king โจอี้บอย และไทเทเนียม
เมื่อฮิปฮอปและแร็ปเริ่มแมส
ในปีพ.ศ. 2536 วัฒนธรรมฮิปฮอปเข้าสู่กระแสหลักอย่างเป็นทางการครั้งแรก กับเพลง ยุ่งน่า และ เพลง สมน้ำหน้า โดยวงแร็พเตอร์ ซึ่งก็ได้รับกระแสตอบรับเป็นอย่างดี แต่เพลงของแร็พเตอร์ก็ยังไม่ถือเป็นเพลงแร๊ปสะทีเดียว แต่เป็นการเอาแร็ปและความเป็นฮิปฮอปมาผสมลงในเพลงป๊อป อัลบั้มบนดินที่ถือว่าเป็นเพลงแร็ปจริง ๆ ถูกปล่อยในอีก 2 ปีต่อมาโดยโจอี้ บอยกับ สังกัด Bakery Music ภายใต้ชื่อ “Joey Boy” ซึ่งมีเพลงฮิตอย่าง เอ โพด และ รักเธอไม่มีหมด
วัฒนธรรมฮิปฮอปเริ่มขยายตัวมากขึ้นเรื่อยๆ และแร็ปเปอร์ใต้ดินหลาย ๆ คนก็ได้มีอโอกาสขึ้นมาทำเพลงบนดิน ซึ่งเพลงแร็ปไทยสมัยนั้นก็มีเนื้อหาหลายหลากตามสไตล์คนไทย และก็มีหลายเพลงที่รับความนิยมจากผู้ฟังมากหลาย เช่น เพลง แช่ง โดย B-king ที่พูดแทนใจคนอกหัก เพลง 704 ของดาจิม ซึ่งเล่าถึงเรื่องสยองขวัญในโรงแรม หรือเพลง Slow Motion ของโจอี้บอยที่พูดถึงการเมาแล้วขับ
วัฒนธรรมฮิปฮอปเริ่มขยายตัวมากขึ้นเรื่อยๆ และแร็ปเปอร์ใต้ดินหลาย ๆ คนก็ได้มีอโอกาสขึ้นมาทำเพลงบนดิน ซึ่งเพลงแร็ปไทยสมัยนั้นก็มีเนื้อหาหลายหลากตามสไตล์คนไทย และก็มีหลายเพลงที่รับความนิยมจากผู้ฟังมากหลาย เช่น เพลง แช่ง โดย B-king ที่พูดแทนใจคนอกหัก เพลง 704 ของดาจิม ซึ่งเล่าถึงเรื่องสยองขวัญในโรงแรม หรือเพลง Slow Motion ของโจอี้บอยที่พูดถึงการเมาแล้วขับ
รันวงการ
พอพูดถึงผู้บุกเบิก ผู้รันวงการหรือขับเคลื่อนวงการฮิปฮอปไทยก็คงไม่พูดถึง ไทเทเนี่ยม (Thaitanium) ไม่ได้ ก่อนที่สามแร็ปเปอร์ KH, SDthaitay และ DABOYWAY จะออกตัวเป็นวงไทเทเนี่ยมที่ทุกคนรู้จัก ผลงานแรกที่สร้างชื่อให้พวกเขา และสร้างความบันเทิงให้กับวงการแร็ปไทยคือ อัลบั้ม “AA” ที่ถูกปล่อยในปี 2543 ภายใต้ชื่อ AA Crew เป็นการรวมตัวของสามหนุ่มกับเพื่อน ๆ อีก 2-3 คนซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือ โจอี้บอย อัลบั้ม AA ประกอบไปด้วยเพลงฮิตอย่าง Flip, Hear Woy! และ YED และเป็นผลงานที่พวกเขาได้ใส่ความเป็นตัวเองลงไปอย่างเต็มที่
อัลบั้มต่อมาคือ Thai Raider ออกมาในปี 2545 ซึ่งเป็นอัลบั้มที่สามหนุ่มทำร่วมกันหลังจากย้ายไปทำงานที่ New York ตัว KH เผยว่า เหตุผลที่พวกเขาย้ายไปอยู่ต่างประเทศก็เพราะ พวกเขาอยากจะเริ่มต้นใหม่ และในตอนนั้นวงการเพลงไทยก็ยังไม่เปิดกว้างกับการใช้คำหยาบ และถ้อยคำรุนแรงในเพลง พวกเขาเลยอยากทำเพลงที่วงการเพลงไทยยังไม่เคยเห็น และอยากให้คนไทยได้ฟังเพลงที่เกิดจากแพชชั่นโดยไม่มีอะไรปิดกันจริง ๆ
อัลบั้ม Thai Raider ถือว่าเป็นปรากฏการณ์ของวงการฮิปฮอปไทยเพราะเป็นอัลบั้มที่ได้รับความนิยมอย่างมากในหมู่แฟนเพลง ทั้ง ๆ ที่ตัวอัลบั้มถูกปล่อยโดยไม่มีสังกัด และถูกเผยแพร่โดยการฝากขายตามร้านซีดี หรือโปรโมทกันเองในเว็บบอร์ดของแฟนฮิปฮอป ซึ่งอินเทอร์เน็ตในยุคนั้นก็ต่างกับยุคนี้อย่างลิบลับ
ศิลปินอย่างไทเทเนียม โจอี้บอย ดาจิม B-King และแร็ปเปอร์อีกหลาย ๆ คนในยุด 2000s เป็นเหมือนผู้บุกเบิกวงการแร็ปไทยตั้งแต่ใต้ดินถึงบนดิน ถึงแม้ในช่วงยคปี 2000s กระแสเพลงแร็ปจะยังไม่ได้รับความนิยมเหมือนปัจจุบัน แต่พวกเขาก็เป็นแรงบันดาลใจศิลปินแร็ปหน้าใหม่และเป็นผู้ผลักดันวงการให้เคลื่อนไหวอยู่เสมอ
อัลบั้มต่อมาคือ Thai Raider ออกมาในปี 2545 ซึ่งเป็นอัลบั้มที่สามหนุ่มทำร่วมกันหลังจากย้ายไปทำงานที่ New York ตัว KH เผยว่า เหตุผลที่พวกเขาย้ายไปอยู่ต่างประเทศก็เพราะ พวกเขาอยากจะเริ่มต้นใหม่ และในตอนนั้นวงการเพลงไทยก็ยังไม่เปิดกว้างกับการใช้คำหยาบ และถ้อยคำรุนแรงในเพลง พวกเขาเลยอยากทำเพลงที่วงการเพลงไทยยังไม่เคยเห็น และอยากให้คนไทยได้ฟังเพลงที่เกิดจากแพชชั่นโดยไม่มีอะไรปิดกันจริง ๆ
อัลบั้ม Thai Raider ถือว่าเป็นปรากฏการณ์ของวงการฮิปฮอปไทยเพราะเป็นอัลบั้มที่ได้รับความนิยมอย่างมากในหมู่แฟนเพลง ทั้ง ๆ ที่ตัวอัลบั้มถูกปล่อยโดยไม่มีสังกัด และถูกเผยแพร่โดยการฝากขายตามร้านซีดี หรือโปรโมทกันเองในเว็บบอร์ดของแฟนฮิปฮอป ซึ่งอินเทอร์เน็ตในยุคนั้นก็ต่างกับยุคนี้อย่างลิบลับ
ศิลปินอย่างไทเทเนียม โจอี้บอย ดาจิม B-King และแร็ปเปอร์อีกหลาย ๆ คนในยุด 2000s เป็นเหมือนผู้บุกเบิกวงการแร็ปไทยตั้งแต่ใต้ดินถึงบนดิน ถึงแม้ในช่วงยคปี 2000s กระแสเพลงแร็ปจะยังไม่ได้รับความนิยมเหมือนปัจจุบัน แต่พวกเขาก็เป็นแรงบันดาลใจศิลปินแร็ปหน้าใหม่และเป็นผู้ผลักดันวงการให้เคลื่อนไหวอยู่เสมอ
แร็ปไทยแบบไทย ๆ
แร็ปไม่ใช่แค่การพูดรัว พูดเร็ว แต่คือการเล่าเรื่องผ่านกลอนที่อยู่บนบีท ในวัฒนธรรมไทยเองก็มีการอ่านกลอนตามทำนองเสนาะ และมี ”เพลงแหล่” ซึ่งก็เป็นการบอกเล่าเรื่องราวผ่านจังหวะและบทพูดที่คล้องจองแหละสละสวลวย มีการเล่นคำสัมผัส หรือไรม์ (Rhyme) ซึ่งเมื่อฮิปฮอปเข้ามาในไทย ก็ย่อมมีการถูกผสมผสานและปรับเปลี่ยนจนได้ออกมาเป็นแร็ปแบบไทย ๆ
เพลงแร็ปไทยเพลงแรกที่ได้รับการออกแผ่นหลายคนอาจจะยังไม่รู้จักคือ เพลง “หมูแข้งทอง” จากอัลบั้ม My Lover โดย Mr. แตงโม หรือ ปรัชญา ศรีธัญรัตน์ ซึ่งถูกปล่อยเมื่อปีพ.ศ. 2528 (ค.ศ. 1985) ซึ่งเป็นการหยิบเอาเรื่องราวชีวิตของ ผุดผาดน้อย นักมวยไทยมาเล่าผ่านบีทและทำนอง Mr.แตงโมแต่งและอัดเพลงหมูแข้งทองตอนที่เขาอยู่ที่ประเทศฝรั่งเศส ในยุคนั้นเพลง Hip Hop, Electronic และ Funk กำลังมาแรงในยุโรป ซึ่ง Mr.แตงโมก็ได้เพื่อนของเขา Phillip Lemonge มาช่วยโปรดิวซ์อัลบั้มนี้ด้วย
เพลงแร็ปไทยเพลงแรกที่ได้รับการออกแผ่นหลายคนอาจจะยังไม่รู้จักคือ เพลง “หมูแข้งทอง” จากอัลบั้ม My Lover โดย Mr. แตงโม หรือ ปรัชญา ศรีธัญรัตน์ ซึ่งถูกปล่อยเมื่อปีพ.ศ. 2528 (ค.ศ. 1985) ซึ่งเป็นการหยิบเอาเรื่องราวชีวิตของ ผุดผาดน้อย นักมวยไทยมาเล่าผ่านบีทและทำนอง Mr.แตงโมแต่งและอัดเพลงหมูแข้งทองตอนที่เขาอยู่ที่ประเทศฝรั่งเศส ในยุคนั้นเพลง Hip Hop, Electronic และ Funk กำลังมาแรงในยุโรป ซึ่ง Mr.แตงโมก็ได้เพื่อนของเขา Phillip Lemonge มาช่วยโปรดิวซ์อัลบั้มนี้ด้วย
เรียนกับที่สุดแห่งทุกวงการ
เรียนรู้ทุกเคล็ดลับและเทคนิคจากผู้เชี่ยวชาญตัวจริงของทุกวงการไทย
บทส่งท้าย
บทความล่าสุด
ผู้สอนของ ikonclass
เรียนรู้จากไอคอนแนวหน้าของประเทศไทย
ผู้สอนของเราเป็นมืออาชีพที่มีประสบการณ์ในวงการนับไม่ถ้วน ในบทเรียนของ IkonClass คุณจะได้เรียนรู้จากประสบการณ์ของผู้สอนที่ไม่เคยถูกเปิดเผยมาก่อน