นอกจากการดูแลเอาใจใส่บุคลิกภาพภายนอกแล้ว หนึ่งในหน้าที่สำคัญของนางแบบก็คือการเดินแบบที่ถูกต้องและสง่างาม ซึ่งอาจจะฟังดูเป็นสิ่งที่ง่าย แต่ที่จริงแล้วเป็นเรื่องที่ต้องหมั่นฝึกฝนให้เกิดความชำนาญ ในบทความนี้ IkonClass ขอนำเสนอเทคนิคเบื้องต้นในการเดินแบบ เพื่อให้งานออดิชั่นหรืองานเดินแบบครั้งหน้าของคุณสวยแบบไม่มีที่ติ
สารบัญ
การจัดท่าทางก่อนเดินแบบ
หนึ่งในปัจจัยสำคัญของการเดินแบบก็คือการจัดท่าทาง (Posture) ให้ดูดี :
วิธีเดินแบบสำหรับมือใหม่
เมื่อจัดท่าทางได้ลงตัวแล้ว ขั้นตอนต่อไปก็คือการฝึกเดินแบบ ซึ่งการเดินแบบจะต้องใช้การฝึกฝนอย่างสม่ำเสมอเพื่อให้เกิดความเคยชิน ในขณะที่เดิน ให้นางแบบจินตนาการว่ากำลังเดินบนเส้นด้าย ลงน้ำหนักที่ส้นเท้าก่อนที่จะไล่ไปปลายเท้า และเดินด้วยการวางเท้าข้างหนึ่งไว้ข้างหน้าเท้าอีกข้าง หรือที่เรียกว่าการเดินแบบ “ไขว้ขา” การเดินเช่นนี้จะทำให้สะโพกของนางแบบส่ายอย่างเป็นธรรมชาติโดยที่ไม่ต้องเกร็งหรือบังคับการบิดของสะโพก ในขณะที่เดิน ให้นางแบบปล่อยแขวนเป็นธรรมชาติแต่ก็ไม่แกว่งจนเกินไปหรือดูแข็งทื่อ และก้าวเดินให้สอดคล้องกับจังหวะเพลงของงาน เมื่อมาถึงจุดที่ต้องหันกลับ นางแบบควรจะต้องเริ่มชะลอความเร็วในการเดินเพื่อที่จะหยุดโพสต์ท่าประมาณ 3 วิ ก่อนที่จะหันหลังและเดินกลับไป ข้อควรระวังก็คือ ก่อนที่จะมาถึงจุด “ยูเทิร์น” หรือ “จุดหยุดโพสต์” นางแบบจะต้องกะจังหวะการชะลอให้ได้อย่างแม่นยำ ไม่ควรดูเป็นการหยุดเดินกะทันหัน
สีหน้า
นอกจากท่าทางการเดินแล้ว “สีหน้า” ของนางแบบในขณะที่เดินก็สำคัญเช่นกัน โดยมาตรฐานแล้ว นางแบบ “ไม่ควรยิ้ม” ในขณะที่เดินแบบ เพราะเชื่อว่าการยิ้มหรือการแสดงสีหน้าต่าง ๆ จะเบี่ยงเบนความสนใจออกจากเสื้อผ้าหรือผลิตภัณฑ์ที่นางแบบสวมใส่อยู่ ทำให้คนดูอาจจะพลาดการชมคอลเลคชั่นเสื้อผ้านั้น ๆ ไปได้ เลยเกิดเป็นมาตรฐานในวงการว่า นางแบบจะต้องแสดงสีหน้าที่ “เป็นกลาง” มากที่สุด ไม่ยิ้มแต่ก็ไม่หน้าบึ้งจนดูเหมือนเศร้าหรือโมโห เทคนิคง่าย ๆ เพียงแค่ทำการปิดริมฝีปากให้สนิทโดยไม่ยิ้มหรือดึงมุมปากลง สีหน้าเวลาที่เราปิดปากโดยธรรมชาติจะเป็นสีหน้าที่ให้ดู“เป็นกลาง” มากที่สุด
แต่ก็จะมีบางรันเวย์ที่มีนักกำกับคอยชี้นำสีหน้าและท่าทางที่แบรนด์ต้องการ เช่น อย่างแบรนด์ Victoria’s Secret จะสังเกตได้ว่าเหล่านางแบบจะยิ้มเล็กน้อยและดูสดใส ของ Chanel จะถูกกำกับให้ดูออกจริงจังเพื่อตอบโจทย์คอนเซปต์ “High fashion” เพราะฉะนั้นแล้วนางแบบก็ควรจะฝึกแสดงสีหน้าได้หลายรูปแบบ ทั้งแบบยิ้ม แบบธรรมชาติ และแบบหน้าซีเรียส
แต่ก็จะมีบางรันเวย์ที่มีนักกำกับคอยชี้นำสีหน้าและท่าทางที่แบรนด์ต้องการ เช่น อย่างแบรนด์ Victoria’s Secret จะสังเกตได้ว่าเหล่านางแบบจะยิ้มเล็กน้อยและดูสดใส ของ Chanel จะถูกกำกับให้ดูออกจริงจังเพื่อตอบโจทย์คอนเซปต์ “High fashion” เพราะฉะนั้นแล้วนางแบบก็ควรจะฝึกแสดงสีหน้าได้หลายรูปแบบ ทั้งแบบยิ้ม แบบธรรมชาติ และแบบหน้าซีเรียส
ศึกษาภาพพจน์ของแบรนด์แฟชั่น
นางแบบควรหมั่นศึกษาจากรันเวย์ของแบรนด์แฟชั่นต่าง ๆ เพื่อศึกษาท่าทางการเดินที่หลากหลาย เช่น Louis Vuitton จะใช้การเดินแบบที่ดูแข็งแรงและกระฉับกระเฉง เพื่อสอดคล้องกับรากฐานของแบรนด์ที่มาจาก “การท่องเที่ยว” เลยต้องแสดงให้เห็นว่าแฟชั่นของเขานั้นใส่แล้วมีความคล่องตัว ส่วนการเดินแบบของ Versace จะออกไปในทางที่โอ้อวดและทันสมัย จะมีการส่ายสะโพกที่เยอะและสับขาไวเวลาเดิน ส่วนแบรนด์อย่าง Valentino จะเน้นการเดินที่ดูสง่างามเหมือนเจ้าชาย-เจ้าหญิง เป็นการเดินก้าวขาสั้น หรือถ้าเป็นแบรนด์อย่าง Celine ในปัจจุบันก็จะออกไปทาง Rock & Roll ที่เน้นการเดินออกหลังค่อมเล็กน้อยและไม่เดินไขว้ขา
แต่ละแบรนด์จะมีตัวตนและภาพพจน์ที่เขาต้องการจะสื่อออกมาไม่เหมือนกัน ควรศึกษาและเก็บข้อมูลการเดินแบบของแต่ละสไตล์ให้ได้มากที่สุด และนำมาฝึกฝนและขัดเกลาทักษะการเดินแบบของตัวเอง
แต่ละแบรนด์จะมีตัวตนและภาพพจน์ที่เขาต้องการจะสื่อออกมาไม่เหมือนกัน ควรศึกษาและเก็บข้อมูลการเดินแบบของแต่ละสไตล์ให้ได้มากที่สุด และนำมาฝึกฝนและขัดเกลาทักษะการเดินแบบของตัวเอง
ศึกษาจากนางแบบชื่อดัง
นอกจากการศึกษาภาพพจน์ของแบรนด์แล้ว ยังสามารถศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับสไตล์การเดินของนางแบบที่มีชื่อเสียง ยกตัวอย่างเช่น :