ตามหลักแล้ว ร้านอาหารสามารถแบ่งออกเป็นหลากหลายประเภท ตามการเสิร์ฟอาหาร รูปแบบของร้าน และประเภทของอาหาร ซึ่งสามารถแบ่งออกได้ดังนี้
เริ่มกันที่ประเภทแรกของร้านอาหารกันที่ร้านไฟน์ไดน์นิ่ง ซึ่งเป็นร้านอาหารที่มีการเสิร์ฟอาหารเป็นคอร์ส เริ่มตั้งแต่อาหารเรียกน้ำย่อย อาหารจานหลัก เครื่องดื่มและของหวาน ซึ่งแต่ละร้านก็จะมีจำนวนอาหารในแต่ละคอร์สที่แตกต่างกันออกไป นอกจากนี้แล้วร้านอาหารแบบไฟน์ไดน์นิ่งก็ยังมุ่งเน้นไปที่การเลือกใช้วัตถุดิบคุณภาพดี มีการตกแต่งจานและร้านให้มีบรรยากาศที่มีเรื่องราว อีกทั้งโฟกัสไปที่การให้บริการที่ดีอีกด้วย
ดังนั้นหากคุณมีไอเดียเกี่ยวกับการเปิดร้านอาหารที่มีความหรูหรา แต่ยังคงความสบาย ๆ ไว้ รวมถึงมีจุดเด่นในการเลือกวัตถุดิบและการปรุงอาหาร ร้านอาหารแบบไฟน์ไดน์นิ่งก็ดูจะเป็นทางเลือกที่ค่อนข้างน่าสนใจเลยทีเดียว
สำหรับร้านอาหารแบบ Casual Dining นั้นจะเป็นร้านอาหารที่มีความหรูหราน้อยลงมาจากไฟน์ไดน์นิ่ง อาจจะตกแต่งร้านแบบสบาย ๆ บรรยากาศเหมือนนั่งรับประทานอาหารที่บ้านเพื่อน แต่อาจจะมีความโดดเด่นตามลักษณะหรือเรื่องราวของร้านนั้น ๆ อีกทั้งราคาอาหารยังอยู่ในระดับกลาง ๆ ไม่สูงจนเกินไป ทำให้ผู้คนทั่วไปสามารถเข้ามารับประทานได้ตลอด
ร้านอาหารประเภทนี้ เรามักจะพบเห็นได้ตามห้างสรรพสินค้าทั่ว ๆ ไป หรือตามร้านอาหารขนาดใหญ่ที่เปิดให้บริการในบ้านเรา มีการเสิร์ฟอาหารให้ถึงที่โต๊ะ ใช้วัตถุดิบที่มีคุณภาพ แต่อาจจะไม่ได้มีความโดดเด่นเหมือนไฟน์ไดน์นิ่ง หากคุณต้องการเปิดร้านอาหารแบบสบาย ๆ เสิร์ฟอาหารโฮมเมดทั่ว ๆ ไป ประเภทร้านอาหารแบบนี้นี่แหละที่ใช่สำหรับคุณ
สำหรับใครที่ไม่อยากลงทุนกับการแต่งร้านมากนัก และมีไอเดียในการทำอาหารแบบซื้อง่าย กินง่าย ร้านอาหารแบบ Fast Casual ถือว่าเป็นตัวเลือกที่ดีเลยทีเดียว เพราะประเภทร้านอาหารแบบนี้นั้นเป็นการรวมเอาจุดเด่นของอาหารจานด่วน และคุณภาพแบบร้านอาหารทั่ว ๆ ไปมาไว้ด้วยกัน ทำให้ได้ร้านอาหารที่ทำอาหารได้รวดเร็ว แต่ใช้วัตถุดิบที่มีคุณภาพนั่นเอง
ร้านอาหารประเภทนี้นั้นมักจะพบเห็นได้บ่อย ๆ ตามห้างสรรพสินค้าเช่นกัน อย่างเช่น ร้านเบอร์เกอร์ที่มีการเสิร์ฟถึงที่โต๊ะ ร้านไก่ทอด หรือร้านข้าวผัดต่าง ๆ เป็นต้น ข้อดีของร้านอาหารแบบนี้ก็คือ ราคาไม่แพง ทำให้มีลูกค้าเข้ามาใช้บริการได้ไม่ยาก
ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าในปัจจุบันนี้ มีการสั่งอาหารผ่านช่องทางออนไลน์จนกลายเป็นอีกหนึ่งตลาดขนาดใหญ่ที่ใคร ๆ ก็อยากลงทุน ดังนั้นจึงทำให้เกิดร้านอาหารเดลิเวอรีมากยิ่งขึ้น โดยที่เป็นร้านอาหารเดลิเวอรีจริง ๆ ไม่มีที่นั่งหน้าร้าน มีแต่บริการสั่งกลับ หรือสั่งผ่านช่องทางออนไลน์เท่านั้น โดยข้อดีของร้านอาหารแบบนี้คือ แทบจะไม่ต้องลงทุนกับการทำหน้าร้านเลย เพียงแค่ต้องลงทุนกับพื้นที่ในการประกอบอาหาร ทำให้ประหยัดต้นทุน และจัดการวัตถุดิบได้ง่าย
นอกจากนี้แล้วก็ยังเป็นอีกหนึ่งโมเดลธุรกิจที่น่าสนใจ เติบโตได้รวดเร็ว เหมาะกับอาหารแทบจะทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็นจานด่วน อาหารไทย อาหารนานาชาติ หรือเครื่องดื่มก็ตาม
หากจะพูดว่าร้านอาหารประเภทนี้มีอยู่เป็นจำนวนมากในประเทศไทยก็คงไม่ผิดนัก เพราะร้านอาหารแบบนี้จะมีจุดเด่นทุกอย่างแทบจะเหมือนกับร้านอาหารแบบ Casual Dining แต่จะแตกต่างกันตรงที่อาหารมักจะถูกเสิร์ฟในปริมาณที่มากกว่า จานใหญ่กว่า อีกทั้งบรรยากาศในร้านยังมีความสบาย ๆ กว่าด้วยเช่นกัน
ตัวอย่างร้านอาหารประเภทนี้ก็จะเป็นพวกร้านอาหารที่เปิดอยู่ตามตึกแถวทั่ว ๆ ไป หรือตามห้างสรรพสินค้า ที่เน้นการเสิร์ฟอาหารเป็นจานใหญ่ มีหม้อไฟ เป็นต้น เหมาะกับคนที่ต้องการทำธุรกิจอาหารที่มีเป้าหมายเป็นครอบครัว หรือกลุ่มคนมากกว่าที่จะเป็นการกินอาหารคนเดียว
หนึ่งในเทรนด์ร้านอาหารที่มาแรงอยู่เสมอในประเทศไทยก็คือ ร้านอาหารแบบบุฟเฟต์นั่นเอง ซึ่งร้านอาหารแบบนี้นั้นจะแตกต่างจากแบบอื่น ๆ ตรงที่จะต้องมีร้านที่ขนาดค่อนข้างใหญ่ มีบริเวณสำหรับการจัดวางอาหาร ต้องดูแลเรื่องความสะอาดเป็นพิเศษ มีอาหารหลากหลายประเภท รวมถึงยังจะต้องมีระบบการจัดการที่ค่อนข้างดี เนื่องจากจะมีผู้ใช้บริการเป็นจำนวนมากในเวลาเดียวกัน
หากคุณต้องการเปิดร้านอาหารแบบบุฟเฟต์ สิ่งที่ต้องคำนึงถึงคือเรื่องของการจัดการร้าน การจัดการวัตถุดิบ และพื้นที่ในการเปิดร้าน เพราะควรเป็นพื้นที่ที่เดินทางได้ง่าย สะดวก เพื่อทำให้คนเดินทางมาใช้บริการได้มากยิ่งขึ้น
ร้านอาหารประเภท Chef’s Table คือร้านอาหารที่เสิร์ฟอาหารบนเคาน์เตอร์บริเวณทำอาหารเลย หรือจะเป็นร้านที่อยู่ในบ้านของเชฟก็ได้ ร้านอาหารแบบนี้จะต้องสร้างประสบการณ์การรับประทานอาหารให้กับลูกค้าได้อย่างดี เพราะเวลาลูกค้าเข้ามาใช้บริการ จะได้พูดคุยกับเชฟและทีมเชฟเกี่ยวกับอาหารแต่ละจาน วัตถุดิบและวิธีปรุงต่าง ๆ
เพราะฉะนั้น ร้านอาหารแบบนี้จะเหมาะกับผู้ที่เป็นเชฟอยู่แล้ว หรือคนที่มีเชฟฝีมือดีอยู่ในมือ นอกจากนี้แล้วการทำร้านแบบนี้ยังจะต้องคำนึงถึงราคาอาหาร การวางฐานลูกค้าและการคงคุณภาพให้สม่ำเสมออีกด้วย
เราขอปิดท้ายกันด้วยร้านอาหารแบบ Contemporary Casual ที่เรียกได้ว่าเป็นร้านอาหารแบบใหม่ในวงการอาหาร โดยจะเป็นร้านที่มีที่นั่งเหมือน Casual Dining แต่จะแตกต่างกันตรงที่มีการยกระดับการตกแต่งร้าน การทำอาหารและวัตถุดิบให้ดีมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังมีเมนูที่ถูกเปลี่ยนหรือนำเสนอไปตามฤดูกาลและเทศกาลต่าง ๆ อีกด้วย อีกทั้งยังโดดเด่นด้วยการที่มีจุดขายที่ชัดเจน เช่น เป็นร้านอาหารที่ใช้แต่วัตถุดิบออร์แกนิคเท่านั้น มีความ Eco-Friendly หรือแม้แต่ใช้วัตถุดิบที่มาจากท้องถิ่นเท่านั้นเป็นต้น
สำหรับการทำอาหารประเภทนี้นั้น จะเหมาะกับพื้นที่บริเวณในเมือง หรือบริเวณที่มีผู้คนสมัยใหม่อยู่เป็นหลัก เพราะเป็นประเภทร้านอาหารที่มีเรื่องราวและจุดมุ่งหมายชัดเจน เหมาะกับพฤติกรรมของผู้ที่อาศัยอยู่ในเมืองนั่นเอง