เริ่มต้นกันที่เบียร์ที่เราคุ้นชินกันก่อน เบียร์ช้างจากThai Beverage ผู้ผลิตเบียร์รายใหญ่ที่สุดในประเทศไทยเป็นเบียร์ที่หาซื้อได้ง่ายและเป็นเบียร์ที่มีเพียงรสชาติเดียว เบียร์ช้างเป็นเบียร์ประเภทลาเกอร์ ซึ่งมีสีอ่อน มีรสชาติที่เบาและมีความซ่าจากก๊าซคาร์บอนได้ออกไซด์เล็กน้อย ซึ่งเบียร์กระป๋องทั่วไปอย่างลีโอ สิงห์ ไฮเนเก้น และโคโรน่า ก็จัดเป็นเบียร์ประเภทลาเกอร์ที่ดื่มง่าย ถูกปากคนส่วนใหญ่ และมีแอลกอฮอล์อยู่ที่ประมาณ 4-6%
คอเบียร์หลายคนคงคุ้นตากับคำว่า พิลสเนอร์ (Pilsner) เบียร์พิลสเนอร์จัดอยู่ในประเภทของลาเกอร์ที่ได้รับความนิยมทั่วโลก พิสเนอร์มีต้นกำเนิดจากเมือง Pilsen ณ สาธารณรัฐเช็ก เนื้อเบียร์มีสีทองใส มีรสชาติที่เบาและให้ความสดชื่นมากกว่าลาเกอร์ชนิดอื่นเพราะความหอมและเปอร์เช็นก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่สูง
เอลกับลาเกอร์ต่างกันที่วิธีการผลิต เอลจะถูกในอุณหภูมิที่สูงกว่า ใช้เวลาหมักน้อยกว่า และมีความหลากหลายทางของรสชาติ สี และกลิ่นที่ขึ้นอยู่กับชนิดของเอล โดยเอลที่ได้รับความนิยมมากที่สุดของคอคราฟเบียร์คงจะเป็น ไอพีเอ (IPA หรือ India Pale Ale)
ไอพีเอ ขึ้นชื่อเรื่องความขมและความหอมของดอกฮ็อพ (Hops) ชื่อ India Pale Ale เกิดมาจากการยุคสมัยที่อินเดียยังเป็นอาณานิคมของอังกฤษ การขนส่งเอลข้ามทวีปจากยุโรปไปเอเชียในช่วงนั้นใช้เวลานานทำให้เอลขึ้นราและดื่มไม่ได้ แต่แล้วคนหมักเบียร์ก็ค้นพบว่าหากเอลมีแอลกอฮอล์สูงขึ้นมาอีกหน่อย เอลจะเก็บได้นานขึ้น จึงเพิ่มปริมาณดอกฮ็อพเข้าไป และเกิดเป็นเบียร์ประเภท IPA ขึ้นมา ซึ่งโดยเฉลี่ยแล้ว IPA ในท้องตลาดในปัจจุบันจะมีแอลกอฮอล์อยู่ที่ 5.5-7.5% และมีรสชาติหลากหลายให้เลือกดื่มเช่น Coffee-infused IPA ที่มีรสกาแฟ หรือ Fruity IPA ที่มีกลิ่นและความหวานของผลไม้
เอลอีกประเภทที่ได้รับความนิยมไม่แพ้กันก็คือ ไวเซ่นเบียร์ (Weizenbier) เช่น เบียร์หมีที่หาซื้อได้ใน 7-11 เบียร์ชนิดนี้มีต้นกำเนิดมาจากเยอรมันแคว้นบาวาเรีย Weizen แปลว่า Wheat หรือ ข้าวสาลี ซึ่งเป็นส่วนผสมหลักและเป็นสิ่งที่ทำให้บอดี้ของเบียร์มีความขุ่นและแน่นกว่าไอพีเอเล็กน้อย ไวเซ่นเบียร์จะมีปริมาณก๊าซที่สูงทำให้เบียร์มีความซ่าและให้ความสดชื่น
คำว่า Weizenbier มีความคล้ายกับคำว่า Witbier ซึ่งอาจสร้างความสับสนให้กับนักดื่มหลาย ๆ ท่าน อันที่จริงแล้ว Witbier เป็นเบียร์ที่ได้จากข้าวสาลีเหมือนไวเซ่น แต่เป็นเบียร์ที่มีต้นกำเนิดและวิธีหมักแบบเบลเยียม ซึ่งโปรไฟล์ของรสชาติก็จะต่างกับไวเซ่น
แลมบิกเป็นที่เรียกกันว่า เบียร์เปรี้ยว เพราะขั้นตอนการหมักแบบดั้งเดิมของประเทศเบลเยียม เบียร์แลมบิกมีการบ่มที่คล้ายการบ่มไวน์ และใช้ยีสต์สายพันธุ์พิเศษที่ได้จากแหล่งป่าตามธรรมชาติ เบียร์แลมบิกค่อนข้างจะหาดื่มได้ค่อนข้างยากหน่อย และเบียร์แลมบิกที่แท้จริงจะต้องมีตรา Méthode Traditionnelle อยู่ที่ขวดเพื่อเป็นการรับรองเบียร์ขวดนี้ถูกหมักด้วยวิธีแบบดั่งเดิมจริง ๆ